กว่าจะได้เป็นกราฟิก
ถ้าคุณเคยเห็นคนที่นั่งทำงานหน้าคอมฯ แล้วพูดว่า “ขออีกห้านาที” และอีกห้านาทีกลายเป็นสามชั่วโมง คุณอาจจะได้เจอกับกราฟิกดีไซเนอร์! การเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ในยุคนี้เหมือนกับการเป็นนักมายากลที่ใช้เมาส์แทนไม้กายสิทธิ์ สร้างงานศิลป์ด้วยการลากแล้วคลิก บางคนอาจคิดว่าต้องจบจากสาขาวิชากราฟิกดีไซน์ถึงจะเป็นได้ แต่บอกเลยว่า ไม่ต้อง! ขอแค่เริ่มฝึกก็พร้อมลุยได้เลย ใครๆ ก็เป็นกราฟิกได้…แค่ต้องอดทนกับ Photoshop ที่ชอบแฮงก์บ่อยๆ
เริ่มต้นจากความหลงใหล (และความอึด)
การเป็นกราฟิกดีไซเนอร์เริ่มต้นจากอะไร? คำตอบคือความหลงใหล (และความอึด)! คุณต้องชอบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพโลโก้ การสร้างสรรค์โปสเตอร์ หรือต่อให้แค่ชอบเปลี่ยนสีปุ่มบนเว็บไซต์ ถ้าคุณรู้สึกดีเมื่อได้ทำสิ่งเหล่านี้ แสดงว่าคุณอยู่ในทางที่ถูกต้องแล้ว
แต่จะเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องชอบนั่งทำงานเงียบๆ ตลอดเวลา! บางครั้งคุณอาจต้องต่อสู้กับเสียงบ่นของเพื่อนๆ ที่บอกว่า “เฮ้ย ออกแบบเสร็จหรือยัง?” หรือเจอลูกค้าที่ให้คำขอที่ชวนงงๆ แบบ “ขอให้โลโก้นี้ดูทั้งทันสมัยแต่โบราณ ทั้งเรียบง่ายแต่ซับซ้อน” ซึ่งคุณอาจจะคิดในใจว่า “ได้ครับ…แต่ขออนุญาตเรียกมายาดมมาช่วยหน่อย!”
ฝึกฝนด้วยความขยัน (และความเหนียวแน่น)
การฝึกฝนเป็นส่วนสำคัญ คุณไม่ต้องเข้าคอร์สแพงๆ หรือไปเรียนเต็มตัวก็ได้ เพราะมีวิดีโอสอนฟรีเพียบใน YouTube ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนจากคนที่ใช้ Photoshop แค่เปลี่ยนสีภาพเป็นเทพการตัดต่อในเวลาไม่นาน แค่ต้องทำซ้ำๆ จนกลายเป็นทักษะในตัว
ระหว่างฝึกโปรแกรมกราฟิก บางครั้งคุณอาจได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ว่า “อ้าว ทำไมแฮงก์อีกแล้ว?” แต่อย่าเพิ่งท้อ ทุกครั้งที่โปรแกรมล่ม แสดงว่าคุณใกล้จะเก่งแล้ว!
การรับงานเล็กๆ เพื่อฝึกฝีมือ (และยิ้มรับคำขอสุดโหด)
เมื่อคุณรู้สึกพร้อมแล้ว ให้ลองรับงานเล็กๆ จากเพื่อนๆ หรือคนรู้จักก่อน นี่คือโอกาสให้คุณได้สร้างผลงานแบบฟรีๆ (หรืออาจได้ค่ากาแฟสักแก้วถ้าโชคดี!) และยังได้ฝึกความอดทนในการแก้งานไปพร้อมๆ กัน เช่น มีลูกค้าบอกว่า “ขอแบบเรียบๆ นะ แต่ขอให้ทุกอย่างเปล่งประกายเหมือนดวงอาทิตย์” หรือ “ทำให้มันดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่ยังคงความสนุกแบบเด็กอนุบาลไว้” ซึ่งคุณอาจจะคิดในใจว่า “ตกลงจะเอาแบบไหนกันแน่ครับ?”
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการแก้ไขคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เมื่อคุณสามารถจัดการกับคำขอเหล่านี้ได้ คุณจะเติบโตเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ที่สามารถทำงานกับใครก็ได้ ไม่ว่าคำขอจะยากขนาดไหน
สร้างพอร์ตโฟลิโอด้วยผลงานเจ๋งๆ (หรือผลงานที่โดนแก้มา 10 รอบ)
พอร์ตโฟลิโอเป็นเหมือนสมุดภาพความทรงจำของกราฟิกดีไซเนอร์ มันไม่จำเป็นต้องมีผลงานเยอะๆ แต่ควรเลือกชิ้นที่บ่งบอกถึงความสามารถและสไตล์ของคุณ คุณสามารถโชว์ผลงานทุกอย่าง ตั้งแต่งานที่ทำให้ลูกค้าแบบจริงจัง ไปจนถึงงานที่โดนแก้ไขจนท้อแค่ไหนก็ไม่ทิ้ง (หากไม่ติดว่าโดนแก้จนเหมือนเป็นคนละงาน!)
การสร้างพอร์ตโฟลิโอออนไลน์ก็เป็นอีกวิธีที่ดี ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มอย่าง Behance หรือ Dribbble ที่ให้คุณอัปโหลดผลงานของคุณลงไปได้ โดยไม่ต้องพกแผ่นพอร์ตโฟลิโอไปให้ลูกค้าดูเหมือนในอดีต แต่ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ สิ่งสำคัญคือทำให้พอร์ตโฟลิโอของคุณสะท้อนตัวตนและทักษะที่แท้จริง
การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ (และเรียนรู้ที่จะใช้กูเกิล!)
ถ้าคุณติดขัดตรงไหน ไม่ต้องกลัว ลองไปดูว่าผู้เชี่ยวชาญเขาทำกันยังไง การดูวิดีโอจากนักออกแบบที่มีชื่อเสียงหรือเข้าไปตามกลุ่มกราฟิกในเฟซบุ๊กจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้เคล็ดลับดีๆ ที่อาจไม่ได้บอกในคลาสเรียน ที่สำคัญ คุณยังได้สร้างเครือข่ายเพื่อนร่วมสายงานที่อาจกลายเป็นแหล่งงานในอนาคต
อย่าลืมว่าในยุคนี้ Google เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ถ้าคุณหาวิธีทำอะไรไม่เจอ ก็แค่พิมพ์ “วิธีใช้ Photoshop ทำให้โลโก้เปล่งประกาย” แล้วกดค้นหา คุณจะเจอคำตอบเกือบทุกครั้ง!
การไม่หยุดพัฒนา (เพราะเทรนด์เปลี่ยนเร็วกว่าเมาส์จะดับเบิลคลิก)
โลกของกราฟิกดีไซน์เป็นโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวนี้เทรนด์ใหม่ๆ โผล่มาทุกเดือน คุณอาจตื่นมาวันหนึ่งแล้วเจอว่าไอเดียการออกแบบที่คุณเคยคิดว่าคูลกลายเป็น “ของเก่า” ไปซะแล้ว! ดังนั้น กราฟิกดีไซเนอร์ต้องไม่หยุดเรียนรู้และปรับตัว การอ่านบล็อกเกี่ยวกับการออกแบบและติดตามเทรนด์ใหม่ๆ จะทำให้คุณไม่ตกเทรนด์
อย่าลืมว่า กราฟิกดีไซเนอร์ที่ดีไม่ใช่คนที่รู้ทุกอย่าง แต่คือคนที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา และพร้อมจะเปิดรับไอเดียที่อาจดูบ้าๆ บอๆ แต่กลายเป็นเทรนด์ในวันพรุ่งนี้!
การเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิ่งตามใบปริญญาเสมอไป เพียงแค่คุณเริ่มต้นฝึกฝนอย่างตั้งใจ คุณก็สามารถเข้าสู่วงการนี้ได้ เตรียมตัวรับมือกับการแก้งานมหาศาล พร้อมทั้งพกอารมณ์ขันติดตัวไว้ คุณจะได้ไม่เครียดเกินไปเมื่อเจอลูกค้าที่ขอ “ให้โลโก้ดูเรียบง่าย แต่ซับซ้อน พร้อมเป็นมิตรกับเด็กและคนชรา”
Leave a Reply